สาระน่ารู้ : ถือกระเป๋าขึ้นเครื่องกับโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องต่างกันยังไง

สำหรับท่านที่เพิ่งเดินทางด้วยเครื่องบินครั้งแรกอาจจะสงสัยว่าเวลาไปซื้อตั๋วเครื่องบินเจ้าหน้าที่มักจะถามว่ามีกระเป๋าไหมค่ะ? น้ำหนักกี่กิโลค่ะ? ต้องการโหลดกระเป๋าด้วยไหมค่ะ? หรือว่าจะถือขึ้นเครื่องค่ะ? คืออะไร? เรามีคำตอบมาให้ทุกๆท่านหายสงสัยกันค่ะ

1. กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง ( Checked baggage )

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง หรือ Checked baggage ก็คือ กระเป๋าขนาดใหญ่ที่ต้องโหลดไว้ใต้เครื่องเท่านั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถใส่ของใช้ทั่วไปได้ แต่ไม่ควรนำของมีค่าใส่ไว้ในนี้เพราะโอกาสที่กระเป๋าของนักท่องเที่ยวนั้นจะถูกเปิดได้ กระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้ท้องเครื่อง จะต้องไม่มีสิ่งของต้องห้าม ส่วนพาวเวอร์แบงก์ (ความจุไม่เกิน 32,000 mAh ) หรือแบตเตอรี่กล้องต่าง ๆ ต้องถือติดตัวขึ้นเครื่อง ห้ามใส่ในกระเป๋าเดินทางที่จะโหลดนะคะ

สิ่งของที่ควรใส่กระเป๋าใหญ่โหลดใต้เครื่อง

1. เสื้อผ้า รองเท้า ฯ
2. ของเหลวต่างๆ เช่น ครีม สเปรย์ ยาสระผม
3. ของมีคม เช่น กรรไกร ที่ตัดเล็บ
4. ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ
5. ขาตั้งกล้อง อื่นๆ

2. กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง ( Carry-on baggage )

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง หรือ Carry-on baggage นักท่องเที่ยวสามารถนำขึ้นเครื่องได้ทั้งแบบมีล้อและไม่มีล้อ แบบหูหิ้ว แบบเป้ ได้หมดแต่ต้องไม่มีขนาดใหญ่จนเกินไปและไม่ควรหนักมาจนยกขึ้นไม่ไหว เพราะเมื่อขึ้นไปบนเครื่องแล้วเราจะต้องยกกระเป๋าเก็บไว้ในช่องเก็บกระเป๋าเหนือศีรษะหรือใต้ที่นั่งเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่จองตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัด (Economy class) เราสามารถนำกระเป๋าถือติดตัวขึ้นเครื่องจะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม และของเหลวที่สามารถพกติดตัวขึ้นเครื่องได้จะต้องมีขนาดบรรจุภัณฑ์ไม่เกิน 100 มิลลิลิตร โดยต้องใส่ไว้ในถุงพลาสติกใสซิปล็อค ถ้าของเหลวที่บรรจุภัณฑ์เกินกว่า 100 มิลลิลิตร และต้องการนำไปด้วย ให้ใส่กระเป๋าเดินทางโหลดใต้ท้องเครื่อง ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น มีด กรรไกร หรือ กรรไกรตัดเล็บ ตะไบ ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องทุกชนิด

สิ่งของที่ควรใส่กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง

1. เอกสารสำคัญต่างๆ เช่น พาสปอร์ต ใบจองที่พัก
2. เงินและของมีค่า
3. คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป
4. กล้องถ่ายรูป
5. แบตเตอร์รี่สำรองไม่เกิน 32,000 mAh
6. ยารักษาโรค
7. ถ้าจำเป็นต้องนำของเหลวติดตัวไปด้วย สามารถนำขึ้นเครื่องได้รวมแล้วไม่เกิน 100ml แนะนำให้แพ็คใส่ถุงซิปล็อคด้วย

ซึ่งแต่ละสายการบินนั้นก็จะมีเกณฑ์ในเรื่องของขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าที่แตกต่างกันออกไป ก่อนที่จะจัดกระเป๋าเราจึงควรตรวจสอบและเช็คให้แน่ใจว่าสายการบินที่เราจะโดยสารไปนั้นสามารถให้ขนาดและน้ำหนักสัมภาระของที่นั่งที่จองไปเท่าไร เพราะถ้าหากน้ำหนักเกินหรือกระเป๋าใบใหญ่จนเกินไป จะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้  เช่น สายการบินโลว์คอสต์ซึ่งส่วนใหญ่แล้วถ้าต้องการโหลดกระเป๋าใต้เครื่องต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ใครที่คิดว่าของเยอะอาจจะต้องซื้อเพิ่ม แนะนำให้ซื้อน้ำหนักกระเป๋าตั้งแต่ตอนจองตั๋วเครื่องบินเลยค่ะ หากมาซื้อเพิ่มที่สนามบินทีหลังจะเสียแพงกว่าตอนที่ซื้อตั๋วมากนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนและภาพจาก : airportthai